ภรรยาผมออกจากบ้านไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
ในทันทีที่เธอหายวับไป ฝุ่นและสิ่งสกปรกก็เข้าปกคลุมบ้านนี้ เหมือนเรือที่กำลังจะล่ม
น้ำทะลักเข้ามาจากทุกทิศทางด้วยพละกำลังมหาศาล ไม่มีใครหยุดเรือที่จะล่มได้หรอก
ไม่ว่าจะมีมือกี่มือหรือขากี่ขา มันจะล่มในไม่ช้าก็เร็ว เมื่อตอนที่เธออยู่เรามีแต่ความรักกรุ่นกระจายไปทั่วบ้าน
เราสัมผัสจูบกอดกันและกันในทั่วทุกห้อง บางครั้งเราทะเลาะเบาะแว้งกัน บางคราวจังหวะชีวิตก็ท้าทายเรา
ให้เอาชนะคลื่นที่ถาโถมเข้ามาให้ผ่านพ้นไป เพื่อจะกลับมาสมานสามัคคีกันด้วยความรักและให้เกรียติกันเป็นเวลากว่าสามสิบปี
แต่อาทิตย์ที่แล้วเธอก็จากไป เธอบอกว่า “ ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
ผมไม่ทันได้ถามว่า “ทนอะไรไม่ไหว” ผมรู้ว่าอะไรที่หายไป
แต่ผมไม่อยากจะพูดซ้ำซากกับสิ่งที่เราต่างรู้อยู่แล้ว
เธอจากผมไปและชีวิตผมก็เปลี่ยนไปในเวลาสัปดาห์เดียว
เดี๋ยวนี้ผมไปทำงานสายและกลับบ้านหลังเที่ยงคืนนู่นเลย
วันนี้ผมทำเป็นไม่แยแสต่อสายตาผู้จัดการซึ่งมีอยู่ตามปกติทุกหนแห่ง
ผมไปถึงที่ทำงานตอนใกล้เที่ยง พอเลิกงานก็ไปดื่มกับเพื่อนๆ
แล้วบ่นเรื่องเมียและความหนักใจอันเกินทนของชีวิตแต่งงานที่ไม่มีลูกให้พวกเขาฟัง
ผมกลับถึงบ้านเที่ยงคืนเล็กน้อยและสิ่งแรกที่กระแทกจมูกผมคือกลิ่นสกปรกของพื้นห้อง
ใช้เวลากว่าห้านาทีความหาไม้ขีดในครัวแต่ก็หาไม่เจอ ไปเจอที่ห้องรับแขกที่ใต้โซฟา คิดว่าบุหรี่สักตัวก่อนนอนคงดีไม่น้อย
แต่กว่าจะหามันเจอก็เล่นเอาโมโหจนหมดอารมณ์
จึงนั่งอยู่บนโซฟาและตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไม และทำไม บ้านเริ่มหมุนคว้างผมมั่นใจเลยว่ากล่องไม้ขีดไฟมันต้องมีที่เก็บพิเศษสักแห่งในครัวแน่
ที่ช่องเล็กๆใต้เตาอบนั่น ภรรยาผมเก็บไว้ตรงนั้นเพราะว่ามันเป็นที่เดียวในครัวที่ไร้ไอน้ำจากการทำครัวจึงมั่นใจได้ว่าไม้ขีดไฟจะแห้ง
บางทีผมยังรู้สึกอิจฉาไอ้เจ้ากล่องไม้ขีดไฟนี่เลย
ที่มันยังมีที่เฉพาะพิเศษต่างหากที่ซึ่งปลอดภัยจากภยันตรายจากไอน้ำ
กล่องไม้ขีดมาทำอะไรที่นี่หละในห้องรับแขกนี่นะ
ภรรยาผมไม่เคยยอมให้ผมสูบบุหรี่ในห้องนี้พอเธอหนีไปผมจึงสำราญฤทัยดังหนูที่ไม่มีแมวคอยกวนใจ
ว่าแต่ว่าโต๊ะตัวนี้มาทำอะไรที่หน้าประตู ใครเอาตัวต่อโดมิโน่มาวางเกะกะพื้นนี่
ฉันเดินไม่ได้แล้วนี่ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอไม่อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ
ทำไมเธอจากไป
มันแค่การทะเลาะมีปากเสียงธรรมดาเหมือนคู่สามีภรรยาอื่นๆ จากไปหมายถึงหนีปัญหา
เธอคิดว่าผมเป็นคนที่เกินจะรับไหวแล้วหรือ
อย่างไรก็ตามเธอไปแล้วและผมก็แน่ใจว่าเอจะกลับมาภายในหนึ่งเดือนนี่หละ ผมมั่นใจเลยว่าเธอกำลังรอผมอยู่
ผมจะไปขอโทษเธอและแม่ของเธอ ผมจะจุมพิตหลังมือของแม่เธอ จะอ้อนวอนเธอ
“ได้โปรดกลับมากับผมเถิด ผมขาดคุณไม่ได้” ไม่ไม่ไม่ ผมจะไม่ขอโทษอะไรทั้งนั้น
ต่อให้ผมรู้ว่าผมจะตายอยู่รอมร่อในกองกะหล่ำปลีเน่าในบ้านนี้ ผมจะไปทำไม
ผมจ้างแม่บ้านมาเก็บทำความสะอาดบ้านก็ได้และถ้าผมคอยจัดให้เป็นระเบียบหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหา
ผมมั่นใจและจะไม่รู้สึกว่าเธอหายไปหรอก ผมทำผิดอะไรนักถึงต้องไปขอโทษ
หากผมทำให้เธอโกรธเธอเองก็ทำให้ผมโกรธแทบบ้าเหมือนกัน
ชอบทำตัวราวกับเพิ่งเป็นเจ้าสาวมาหมาดๆ โธ่ เราแต่งงานกันมาสามสิบปีแล้วนะ
ผมจะไม่ไปง้อเธอ และจะนอนเสียที ในเมื่อผมนอนคนเดียวโดยไม่มีเธอมาเป็นอาทิตย์แล้ว
ดังนั้นผมก็ทำได้ไปจนตาย
ทำไมที่นอนมันยับเละตุ้มเป๊ะอย่างนี้ เพราะผมปล่อยมันไว้อย่างนี้เอง
ไม่ได้จัดที่นอนเพราะไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำ พอเราไปนอนมันก็เป็นเหมือนเดิม
จัดที่นอนดึงผ้าปูเตียงเป็นสิ่งที่เสียเวลาอย่างที่สุด
เหมือนอย่างกับการรีดชุดนอนก่อนเข้านอนนั่นเลย ถ้าผมไม่ห้ามเธอไว้เอคงจะรีดกางเกงในผมไปด้วย
ผมเข้านอนแล้ว นอนตะแคงขวาเพราะว่าไม่อย่างนั้นผมจะฝันร้าย
ถ้าผมฝันเห็นเธอก็แปลว่าผมคิดถึงเธอ ไม่ไม่สิ ต้องไม่ฝันถึงเธอ ผมจะแคร์เธอแล้ว
เธอจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ ในเมื่อเธอจากไปเองเธอก็ย่อมรู้ว่าจะกลับมาอย่างไร
อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องทนฟังเสียงเธอมาเป็นอาทิตย์แล้ว เสียงบ่นพึมพำงึมงำ
เสียงคร่ำครวญติติงต่างๆนานา
เสียงอะไรหวื่อๆๆๆแถวหัวผมนี่
ยุงแน่ๆเลย แวมไพร์ตัวนี้อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อวาน “แก ไอ้สัตว์ประหลาดดูดเลือด
ไปให้พ้นเลย ออกไปจากห้องฉันนะ ถ้าแกยังมากวนฉันอยู่ฉันจะฆ่าแกแน่” ตั้งแต่กลับจากอินเดียคราวนั้นผมตั้งปณิธานว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแม้แต่แมงตัวเล็กๆ
แต่ถ้ามันมารบกวนผมหละก็เป็นอันโมฆะได้
และลืมที่ฮินดูบาบาสอนไว้ว่าไม่มีเทคโนโลยีใดในโลกที่จะสร้างเซลล์ยุงตัวเล็กๆได้นั่นไปเลย
บาบาโน้มน้าวใจผมมากแต่เจ้ายุงนี่กลับทิ้งโอกาสนั่น “ออกไปให้พ้น
นี่ฉันเตือนแกครั้งสุดท้าย ฉันจะนอน” ถ้าผมไปทำงานสายอีกแค่ครั้งเดียว
ผมว่าเจ้านายปัญญาอ่อนนั่นต้องมาถามซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผม แถมยังจะพยายามสั่งสอนแนะนำผมว่าต้องปฏิบัติกับชีวิตครอบครัวอย่างไรแน่
เขาจะคิดว่าผมมีปัญหาเพราะไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น
ผู้ชายไม่ได้เหมือนแกไปซะทุกคนหรอกเจ้าคาสโนว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของแก
ถ้าฉันไปสายก็ไล่ฉันออกสิ ฉันจะเจ็บใจน้อยกว่าที่ต้องพูดคุยกับแกราวกับแกเป็นพ่อฉันเสียอีก
แกยังอยู่ไหมไอ้เจ้ายุง
แกจะทำอะไรทำเงียบๆนะ เสียงหวื่อๆๆๆๆนี่มันฆ่ากันชัดๆ เสียงนี่ทำให้ฉันคิดถึงเมียที่พูดไม่รู้จักหยุด
ถ้าเสียงเธอเงียบลงกะทันหันฉันจะกังวลทันทีว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
ตอนทำอาหารก็พูด ล้างจานก็พูด รีดผ้าก็พูดดูทีวีกันอยู่ก็พูด
และแกคงจะไม่เชื่อว่าแม้กระทั่งตอนเราร่วมรักกันเธอก็พูด มันยากมากที่จะทำเป็นไม่สนใจการซุบซิบนินทาหรือบ่นนั่นบ่นนี่ขณะเราทำกิจกรรมกันอยู่
แกเข้าใจใช่ไหมเจ้ายุง
นี่หยุดเถอะ ฉันไม่อยากฆ่าแก
แกจะเอาอะไรจากฉันนัก ฉันไม่ใช่คนอ้วนท้วนที่แกมองหาหรอกนะ
ฉันมีเลือดหรือไขมันให้แกไม่พอหรอก ตอนฉันแต่งงานเธอสวยมาก
สะสวยราวกับเหยือกน้ำบริสุทธิ์จากลำธาร ส่วนฉันก็เป็นหนุ่มเต็มตัวพอเหมาะพอดีและมั่นใจในตัวเอง
แกดูฉันตอนนี้สิราวกับแท่งไม้แบนๆ นี่ถ้าฉันสูงกว่านี้เขาคงเอาฉันไปปักเป็นเสาธงแล้วหละ
ส่วนเธอตอนนี้กลายเป็นกระสอบแป้งไปแล้ว ถ้าแกเจอเธอแกบอกเธอไปเลยว่า “ไม่ต้องเดิน
คุณกลิ้งไปจะเร็วกว่า”
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น