วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ยุง Part 2 : THE MOSQUITO (The End)

          แกจะไปหาเธอก็ได้นะ แล้วบอกเธอว่าแกเจอฉัน ถ้าแกเล่าว่าฉันลำบากแค่ไหนที่อยู่คนเดียวค่ำคืนโดดเดี่ยวแค่ไหนเธอจะยิ่งพอใจที่ได้ฟัง ฉันรู้จักเธอดี แกไม่รู้หรอก เธอมีความสุขบนความระทมทุกข์ของฉัน แกออกไปทางหน้าต่างนี้นะ เลี้ยวขวาแล้วบินตรงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแกเห็นป้ายถนนบาบารอสให้บินเข้าไปเกาะแท็กซี่ที่เปิดหน้าต่างสักคัน พอเห็นรูปปั้นอาตาร์เติ์ร์กแกออกจากแท็กซี่แล้วเลี้ยวขวา เข้าซอยเล็กๆไปที่บ้านไม้เลขที่ ๓/๑๔ นั่นคือบ้านของแม่เธอ ตอนนี้เธอคงนอนหลับอยู่ ไปปลุกเธอซะแต่อย่าบอกว่าฉันส่งแกมา ไม่อย่างนั้นแกถูกทรมานแน่ ระวังตัวด้วยเพราะแกจะเป็นสายลับจากปฏิปักษ์ของเธอ เธอจะบังคับให้แกพูด เธอจะกลายเป็นนางแม่มดใจร้ายเชียวหละเวลาที่เธอเจ็บปวด แกไม่รู้จักเธอแต่ฉันรู้ดี

          แกอ่านหนังสือออกไหมเจ้ายุง แกจะไปรู้จักชื่อถนนชื่อตรอกซอกซอยได้อย่างไร ได้เรียนหนังสือไหม มันไม่สำคัญหรอกเธออ่านออกเขียนได้เหมือนกันแต่แล้วไงหละ ฉันไม่เคยเห็นว่าเธออ่านหนังสือสักครั้ง เที่ยวบอกใครต่อใครว่าเธอเคยเป็นประธานชมรมวรรณกรรมสมัยอยู่มหาวิทยาลัย โกหกกันชัดๆ มีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้ว่าเธอไม่มีเวลาจะอ่านอะไรทั้งนั้นเพราะมัวแต่พูด พูด พูดไม่หยุดไม่หย่อน ถ้าคุณไม่อ่านไม่เป็นไรแต่อย่ากวนคนที่เขาอยากอ่านหนังสือสิ ฉันต้องแอบเอาหนังสือเข้าไปในห้องราวกับมันเป็นแก้วเบียร์ แอบไว้ในเสื้อโค๊ทไม่ก็ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ซุกในกระเป๋ากางเกงเข้าไป เธอวิพากษ์วิจารณ์หนังสือที่ฉันอ่านด้วยนะเอ๋ย ว่าทำไมฉันถึงซื้อหนังสือเกี่ยวกับชีวิตเพศสัมพันธ์ของมดหรือประวัติศาสตร์การเมืองของฮิตติมาอ่าน จะให้ฉันตอบว่าอะไรหละ ฉันชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ทีเธอใช้เงินและเวลากับการซื้อนั่นซื้อนี่และไปทำอะไรกินกับพวกเพื่อนๆของเธอฉันยังไม่ว่าเลย หนังสือของฉันมีคุณค่านะ แกคิดอะไรออกไหมเจ้ายุง เธอเป็นศัตรูของหนังสือไงหละ ผู้เล็ดรอดมาจากยุคเมลดิวานั่นเลย

          แกมองดูฉันสิเจ้ายุง แกดูจะเป็นเด็กสาวที่ดีคนหนึ่ง ฉันมองไม่เห็นแต่อย่างน้อยเสียง หึ่งๆนั่นก็ไม่กวนใจฉันอีกแล้ว ฉันไม่หนีแกไปไหนแล้วแกจำไว้นะไม่ว่าแกจะทำอะไรแกต้องทำให้สามีแกอยู่กับบ้าน ฉันยังไม่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของยุงมาก่อน แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะหามาอ่านในเร็ววัน ขอฉันพูดซ้ำอีกทีว่าทำอะไรก็ได้ให้สามีแกอยู่ติดบ้าน ฉันเริ่มออกไปใช้เวลาเตร่นอกบ้านเพราะผู้หญิงคนนี้ เธอไม่เคยให้ฉันได้พักผ่อนหย่อนใจที่บ้านเลย ฉันควรทำอย่างไรหละก็ออกไปเจอเพื่อนฝูงของฉันไง เริ่มจากเล่นพนันเล็กๆน้อยๆ เธอทำให้ฉันเข้าไปพัวพันกับสิ่งนี้ แล้วฉันก็กลับบ้านดึกขึ้นทุกที มันเป็นวงจรอุบาท ยิ่งดึกเท่าไรฉันยิ่งอยากกลับดึกมากขึ้นกว่าเดิม

          แกคงจะพอรู้ว่าอาการเมาเป็นอย่างไร แกเคยเมาไหมเจ้ายุง ถ้าเกิดว่าแกไปกัดดูดเลือดคนเมาเข้าแกก็จะเมาตามใช่ไหม ไม่เหมือนคนฉันไม่เชื่อหรอกว่าเวลาดื่มเหล้าเบียร์แล้วคนจะลืมปัญหาต่างๆของตัวเอง ฉันดื่มเพื่อจะได้ลดความมีเหตุมีผลของตัวเองลงแต่ไม่ใช่ความทรงจำ มันดีที่ได้ทำตัวบ้าบอบ้างบางเวลาเพราะคนรอบข้างต่างก็จะทนกับพฤติกรรมของคุณได้ หากคุณปกติไม่เมาคุณจะทำอะไรแบบนั้นหรือพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก มันจะดีกว่าหากคุณเมาซะแล้วทำตัวเหมือนไก่ไร้หัว ผมเองก็อยากทำตัวไม่ต้องแบกความมีเหตุมีผล ไม่ต้องรับผิดชอบใดใดไม่ต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมา พอตื่นมาอีกวันหนึ่งไม่ต้องรู้สึกบาปกรรมที่มีต่อใคร การไม่ต้องรับผิดชอบอะไรคือการเป็นอิสระโดยแท้ การดื่มแอลกอฮอร์ทำให้เรารู้สึกนั้น ฉันจูบผู้หญิงคนหนึ่งที่บาร์ด้วยนะ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน หล่อนถอดรองเท้าแล้วเต้นรำอย่างสนุกสนานอยู่กลางร้าน ฉันถือรองเท้าสีฟ้าของหล่อนแล้วรอให้หล่อนมาหาฉันเพื่อขอรองเท้าคืน ฉันจูบไปที่ริมฝีปากนั่นโดยไม่รอช้า หล่อนก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใด กลับชอบซะอย่างนั้น จนกระทั่งหล่อนนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกไม่ควร หญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าๆจูบกับชายวัยห้าสิบกว่าปี ฉันส่งรองเท้าคืนหล่อนแล้วเดินออกจากบาร์นั้น เช้าวันต่อมาฉันจำได้สองอย่างคือริมฝีปากรสชาติเปปเปอร์มินต์กับรอเท้าเบอร์สามสิบเจ็ด ต่อมาฉันหยิบหนังสือของเช็กโควมาอ่านเรื่อง “จุมพิต” แล้วก็ร้องไห้เมื่ออ่านจนจบอีกครั้ง ชายคนหนึ่งถูกหญิงสาวจุมพิตในความมืดเพียงครั้งเดียว แต่เขาใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อใฝ่หาเจ้าของจูบนั้นจนชั่วชีวิต แกเข้าใจความรู้สึกนั้นไหมเจ้ายุงน้อย แกเข้าใจความรักไหม การอยากได้ความรัก ความปรารถนาที่จะมีใครสักคนมาใส่ใจเยียวยาเราจากความโดดเดี่ยวลำพังอันเป็นโรคติดต่ออย่างหนึ่ง หรือว่าความรักเป็นสิ่งที่มนุษย์เราเอามาพูดให้เกินจริง บางทีมันอาจไม่เป็นความจริงเป็นแค่ส่วนหนึ่งในเพื่อวิวัฒนาการเท่านั้น
แกหยุดกัดฉันเสียทีเจ้ายุง ฉันกำลังพูดถึงความรักในใจฉันกำลังคร่ำครวญกับความทรงจำเก่าๆแต่แกกลับสำราญกับอาหารเช้ายามรุ่งสางนะ แกพอได้แล้วหละ เว้นวรรคจากการดูดเลือดฉันบ้าง แกถามฉันใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง เมียฉันเริ่มต่อว่าต่อขานฉันในทุกปัญหา ก็เหมือนกับผู้หญิงทุกคน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆราวกับเสียงแตรรถบรรทุก ดังไปถึงห้องข้างบน วันอังคารที่แล้วเธอก็จากไปและไม่เคยโทรศัพท์มาถามฉันเลย แต่ฉันก็รู้นะว่าเธอเป็นห่วงฉันตลอดเวลา จะให้เธอห่วงใครหละ เราไม่มีลูกด้วยกันให้เธอต้องห่วง นอกจากฉันนี่หละ ฉันบอกกับเธอไปตั้งกี่ครั้งว่าไปหาหมอกันเถอะ มันอาจเป็นแค่ปัญหาทางกายภาพเล็กน้อย หมอเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ เราไปด้วยด้วยกัน เธอตอบว่า ไม่ ไม่มีทาง หาว่าฉันกล้าดีอย่างไรที่บอกให้เธอจะไปถลกกระโปรงให้ชายอื่นดู ฉันบอกว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นแม่ยอดชีวี หมอจะมาอยากเห็น...ของคุณไปทำไม นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำ และถ้าหมอเขาต้องดูตรงนั้นจริง สำหรับคนเป็นหมอตรงนั้นมันก็เพียงส่วนหนึ่งของร่างกายคุณ หมอจะมองร่างกายเป็นสิ่งที่ประกอบด้วยเลือดเนื้อ” เธอเอาแต่บอกว่า ไม่เอา ไม่เอา เธอจะแก้ปัญหาด้วยวิธีของเธอเอง เริ่มจากไปหาหมอดูที่อยู่ในตึกเดียวกัน จนกระทั่งเธอตระหนักได้ว่าการหยดตะกั่วลงในน้ำเย็นแล้วแปลความหมายจากหลุมนูนๆบนก้อนตะกั่วนั้นเป็นการเปล่าประโยชน์ เธอก็หันไปหาอิหม่าม เริ่มอ่านและท่องคำต่างๆในศาสนา ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ ละหมาดวันละห้าครั้ง ไปสุเหร่าที่สหายของพระศาสดาอาจจะถูกฝังอยู่ เธอหยุดร่วมรักกับฉันแต่มีเพศสัมพันธ์เพื่อวัตถุประสงค์แห่งการมีลูก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันพูดกับเธอว่า “เมียสุดที่รักของผม เราไปปรึกษาหมอกันเถิด คุณยังละหมาดกราบไหว้ขอพรพระเจ้าเหมือนเดิม แต่เราต้องทำตามเหตุตามผลที่สมควร” ไม่เลยเจ้ายุงเอ๋ย ฉันโน้มน้าวเธอไม่สำเร็จ เธอยืนกรานจะไม่ทำตามที่ฉันขอร้อง

          ให้ฉันพูดให้จบนะเจ้ายุง ยังมีเรื่องที่ฉันจะเล่าอีกไม่มีวันจบ ถ้าจบชีวิตก็จบเช่นกัน ชีวิตจะมีความหมายอะไรถ้าปราศจากความทรงจำ ลืมเรื่องงานของฉันไปได้เลย ฉันจะไม่กลับไปทำงานห่านั่นอีกแล้ว ฉันทำอยู่ที่นั่นมาสามสิบห้าปีแล้วแต่ไม่เคยได้เลื่อนตำแหน่งสักครั้ง เจ้านายคนใหม่ของฉันอายุอ่อนกว่าฉันเป็นสิบปี ฉันก็หวังว่าตัวเองจะเกษียณเร็ววันนี้เสียที เลยไม่สนใจงานหรอก อีกไม่กี่เดือนฉันก็จะเป็นอิสระแล้ว ต่อจากนั้นปัญหาที่แท้จริงก็จะอุบัติขึ้น กลางคืนหรือกลางวันจะไม่ต่างกัน ในบ้านหลังเดิมกับห้องที่แออัดนี้ ฉันจะเล่นซ่อนหากับเธอ แกว่าจะมีทางอื่นไหมหละเจ้ายุง ชีวิตฉันมันโหดร้ายนักและฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ฉันร้องไห้ต่อหน้าเพื่อนๆของฉัน พวกมันไม่เข้าใจหรอก ฉันเล่าเรื่องปู่ของฉันให้พวกนั้นฟัง ฉันพูดว่าพอคนเราแก่ตัวไปความโดดเดี่ยวเดียวดายจะมาเกาะที่บ่าเรา เหมือนหมอกทึบก้อนใหญ่ๆ ยิ่งเราหนีมันจะยิ่งแผ่กระจายและปิดกั้นทางออกไม่ให้เราเห็น ฉันร้องไห้ออกมาแล้วค่อยรู้สึกดีขึ้น พวกนั้นคิดว่าฉันร้องไห้เพราะฉันอยู่คนเดียวหาใช่เพราะฉันโดดเดี่ยวอย่างที่เป็น

          แกดูสิเจ้ายุง นี่มันตีสามแล้ว ถ้าฉันหลับไปตอนนี้ อย่างเช้าสุดที่ฉันจะตื่นได้ก็สิบเอ็ดโมง หรือว่าฉันจะโทร.ไปหาเธอแล้วบอกให้เธอโทรมาปลุกฉันตอนเจ็ดโมงดี ไม่มีทางหละ ถ้าฉันทำอย่างนั้นก็เท่ากับฉันยอมแพ้เธอ เธอจะคิดไปว่าฉันอยู่คนเดียวไม่ได้ ใช่แล้วหละหากจะดื้อดึงต่อฉันก็จะทำอย่างนั้น ฉันอยู่ได้โดยไม่มีเธอ โดยไม่คิดถึงเธอ เธอก็จะกลับมาเองโดยที่ฉันไม่ต้องขอร้อง ในเมื่อเธอจากไปเองเธอย่อมหาทางกลับมาเอง ฉันจะรออยู่ที่นี่แหละ ถ้าฉันไม่มีเมียฉันก็หาเพื่อนคุยได้มากมาย อย่างคืนนี้ฉันก็เจอแกถ้าแกไม่กัดฉันเราก็จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ใช่ไหมเจ้ายุง  เฮ้ย แกยังอยู่ไหม แกไปไหนแล้วสหายน้อยของฉัน แกทิ้งฉันแล้วหรือ แกก็ทิ้งฉันไปอีกคน ทิ้งไปโดยไม่มีเหตุผลเหมือนเมียฉัน

          รุ่งเช้าผมทาครีมบางชนิดตามรอยที่ยุงกัดตามหน้า มือและเท้า จากนั้นก็เดินทางไปบ้านแม่ยายผม ขับรถไปพลางเช็ดหน้าเช็ดตาที่แก่ชราไปครึ่งศตวรรษไปพลาง บอกกับตัวเองว่า “เราแต่งงานกันมาสามสิบปีแต่เธอไม่เคยกัดผมอย่างนี้”
แล้วผมก็ไม่เคยเจอยุงตัวนั้นอีกเลย

>>>>>>>>>><<<<<<<<<<< 

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ยุง Part1 : THE MOSQUITO

          ภรรยาผมออกจากบ้านไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ในทันทีที่เธอหายวับไป ฝุ่นและสิ่งสกปรกก็เข้าปกคลุมบ้านนี้ เหมือนเรือที่กำลังจะล่ม น้ำทะลักเข้ามาจากทุกทิศทางด้วยพละกำลังมหาศาล ไม่มีใครหยุดเรือที่จะล่มได้หรอก ไม่ว่าจะมีมือกี่มือหรือขากี่ขา มันจะล่มในไม่ช้าก็เร็ว เมื่อตอนที่เธออยู่เรามีแต่ความรักกรุ่นกระจายไปทั่วบ้าน เราสัมผัสจูบกอดกันและกันในทั่วทุกห้อง บางครั้งเราทะเลาะเบาะแว้งกัน บางคราวจังหวะชีวิตก็ท้าทายเรา ให้เอาชนะคลื่นที่ถาโถมเข้ามาให้ผ่านพ้นไป เพื่อจะกลับมาสมานสามัคคีกันด้วยความรักและให้เกรียติกันเป็นเวลากว่าสามสิบปี แต่อาทิตย์ที่แล้วเธอก็จากไป เธอบอกว่า “ ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” ผมไม่ทันได้ถามว่า “ทนอะไรไม่ไหว” ผมรู้ว่าอะไรที่หายไป แต่ผมไม่อยากจะพูดซ้ำซากกับสิ่งที่เราต่างรู้อยู่แล้ว เธอจากผมไปและชีวิตผมก็เปลี่ยนไปในเวลาสัปดาห์เดียว เดี๋ยวนี้ผมไปทำงานสายและกลับบ้านหลังเที่ยงคืนนู่นเลย วันนี้ผมทำเป็นไม่แยแสต่อสายตาผู้จัดการซึ่งมีอยู่ตามปกติทุกหนแห่ง ผมไปถึงที่ทำงานตอนใกล้เที่ยง พอเลิกงานก็ไปดื่มกับเพื่อนๆ แล้วบ่นเรื่องเมียและความหนักใจอันเกินทนของชีวิตแต่งงานที่ไม่มีลูกให้พวกเขาฟัง

          ผมกลับถึงบ้านเที่ยงคืนเล็กน้อยและสิ่งแรกที่กระแทกจมูกผมคือกลิ่นสกปรกของพื้นห้อง ใช้เวลากว่าห้านาทีความหาไม้ขีดในครัวแต่ก็หาไม่เจอ ไปเจอที่ห้องรับแขกที่ใต้โซฟา คิดว่าบุหรี่สักตัวก่อนนอนคงดีไม่น้อย แต่กว่าจะหามันเจอก็เล่นเอาโมโหจนหมดอารมณ์ จึงนั่งอยู่บนโซฟาและตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไม และทำไม บ้านเริ่มหมุนคว้างผมมั่นใจเลยว่ากล่องไม้ขีดไฟมันต้องมีที่เก็บพิเศษสักแห่งในครัวแน่ ที่ช่องเล็กๆใต้เตาอบนั่น ภรรยาผมเก็บไว้ตรงนั้นเพราะว่ามันเป็นที่เดียวในครัวที่ไร้ไอน้ำจากการทำครัวจึงมั่นใจได้ว่าไม้ขีดไฟจะแห้ง บางทีผมยังรู้สึกอิจฉาไอ้เจ้ากล่องไม้ขีดไฟนี่เลย ที่มันยังมีที่เฉพาะพิเศษต่างหากที่ซึ่งปลอดภัยจากภยันตรายจากไอน้ำ กล่องไม้ขีดมาทำอะไรที่นี่หละในห้องรับแขกนี่นะ ภรรยาผมไม่เคยยอมให้ผมสูบบุหรี่ในห้องนี้พอเธอหนีไปผมจึงสำราญฤทัยดังหนูที่ไม่มีแมวคอยกวนใจ ว่าแต่ว่าโต๊ะตัวนี้มาทำอะไรที่หน้าประตู ใครเอาตัวต่อโดมิโน่มาวางเกะกะพื้นนี่ ฉันเดินไม่ได้แล้วนี่ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอไม่อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ

          ทำไมเธอจากไป มันแค่การทะเลาะมีปากเสียงธรรมดาเหมือนคู่สามีภรรยาอื่นๆ จากไปหมายถึงหนีปัญหา เธอคิดว่าผมเป็นคนที่เกินจะรับไหวแล้วหรือ อย่างไรก็ตามเธอไปแล้วและผมก็แน่ใจว่าเอจะกลับมาภายในหนึ่งเดือนนี่หละ  ผมมั่นใจเลยว่าเธอกำลังรอผมอยู่ ผมจะไปขอโทษเธอและแม่ของเธอ ผมจะจุมพิตหลังมือของแม่เธอ จะอ้อนวอนเธอ “ได้โปรดกลับมากับผมเถิด ผมขาดคุณไม่ได้” ไม่ไม่ไม่ ผมจะไม่ขอโทษอะไรทั้งนั้น ต่อให้ผมรู้ว่าผมจะตายอยู่รอมร่อในกองกะหล่ำปลีเน่าในบ้านนี้ ผมจะไปทำไม ผมจ้างแม่บ้านมาเก็บทำความสะอาดบ้านก็ได้และถ้าผมคอยจัดให้เป็นระเบียบหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหา ผมมั่นใจและจะไม่รู้สึกว่าเธอหายไปหรอก ผมทำผิดอะไรนักถึงต้องไปขอโทษ หากผมทำให้เธอโกรธเธอเองก็ทำให้ผมโกรธแทบบ้าเหมือนกัน ชอบทำตัวราวกับเพิ่งเป็นเจ้าสาวมาหมาดๆ โธ่ เราแต่งงานกันมาสามสิบปีแล้วนะ ผมจะไม่ไปง้อเธอ และจะนอนเสียที ในเมื่อผมนอนคนเดียวโดยไม่มีเธอมาเป็นอาทิตย์แล้ว ดังนั้นผมก็ทำได้ไปจนตาย

          ทำไมที่นอนมันยับเละตุ้มเป๊ะอย่างนี้ เพราะผมปล่อยมันไว้อย่างนี้เอง ไม่ได้จัดที่นอนเพราะไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำ พอเราไปนอนมันก็เป็นเหมือนเดิม จัดที่นอนดึงผ้าปูเตียงเป็นสิ่งที่เสียเวลาอย่างที่สุด เหมือนอย่างกับการรีดชุดนอนก่อนเข้านอนนั่นเลย ถ้าผมไม่ห้ามเธอไว้เอคงจะรีดกางเกงในผมไปด้วย ผมเข้านอนแล้ว นอนตะแคงขวาเพราะว่าไม่อย่างนั้นผมจะฝันร้าย ถ้าผมฝันเห็นเธอก็แปลว่าผมคิดถึงเธอ ไม่ไม่สิ ต้องไม่ฝันถึงเธอ ผมจะแคร์เธอแล้ว เธอจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ ในเมื่อเธอจากไปเองเธอก็ย่อมรู้ว่าจะกลับมาอย่างไร อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องทนฟังเสียงเธอมาเป็นอาทิตย์แล้ว เสียงบ่นพึมพำงึมงำ เสียงคร่ำครวญติติงต่างๆนานา

          เสียงอะไรหวื่อๆๆๆแถวหัวผมนี่ ยุงแน่ๆเลย แวมไพร์ตัวนี้อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อวาน “แก ไอ้สัตว์ประหลาดดูดเลือด ไปให้พ้นเลย ออกไปจากห้องฉันนะ ถ้าแกยังมากวนฉันอยู่ฉันจะฆ่าแกแน่” ตั้งแต่กลับจากอินเดียคราวนั้นผมตั้งปณิธานว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแม้แต่แมงตัวเล็กๆ แต่ถ้ามันมารบกวนผมหละก็เป็นอันโมฆะได้ และลืมที่ฮินดูบาบาสอนไว้ว่าไม่มีเทคโนโลยีใดในโลกที่จะสร้างเซลล์ยุงตัวเล็กๆได้นั่นไปเลย บาบาโน้มน้าวใจผมมากแต่เจ้ายุงนี่กลับทิ้งโอกาสนั่น “ออกไปให้พ้น นี่ฉันเตือนแกครั้งสุดท้าย ฉันจะนอน” ถ้าผมไปทำงานสายอีกแค่ครั้งเดียว ผมว่าเจ้านายปัญญาอ่อนนั่นต้องมาถามซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผม แถมยังจะพยายามสั่งสอนแนะนำผมว่าต้องปฏิบัติกับชีวิตครอบครัวอย่างไรแน่ เขาจะคิดว่าผมมีปัญหาเพราะไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น ผู้ชายไม่ได้เหมือนแกไปซะทุกคนหรอกเจ้าคาสโนว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของแก ถ้าฉันไปสายก็ไล่ฉันออกสิ ฉันจะเจ็บใจน้อยกว่าที่ต้องพูดคุยกับแกราวกับแกเป็นพ่อฉันเสียอีก

          แกยังอยู่ไหมไอ้เจ้ายุง แกจะทำอะไรทำเงียบๆนะ เสียงหวื่อๆๆๆๆนี่มันฆ่ากันชัดๆ เสียงนี่ทำให้ฉันคิดถึงเมียที่พูดไม่รู้จักหยุด ถ้าเสียงเธอเงียบลงกะทันหันฉันจะกังวลทันทีว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ตอนทำอาหารก็พูด ล้างจานก็พูด รีดผ้าก็พูดดูทีวีกันอยู่ก็พูด และแกคงจะไม่เชื่อว่าแม้กระทั่งตอนเราร่วมรักกันเธอก็พูด มันยากมากที่จะทำเป็นไม่สนใจการซุบซิบนินทาหรือบ่นนั่นบ่นนี่ขณะเราทำกิจกรรมกันอยู่ แกเข้าใจใช่ไหมเจ้ายุง


          นี่หยุดเถอะ ฉันไม่อยากฆ่าแก แกจะเอาอะไรจากฉันนัก ฉันไม่ใช่คนอ้วนท้วนที่แกมองหาหรอกนะ ฉันมีเลือดหรือไขมันให้แกไม่พอหรอก ตอนฉันแต่งงานเธอสวยมาก สะสวยราวกับเหยือกน้ำบริสุทธิ์จากลำธาร ส่วนฉันก็เป็นหนุ่มเต็มตัวพอเหมาะพอดีและมั่นใจในตัวเอง แกดูฉันตอนนี้สิราวกับแท่งไม้แบนๆ นี่ถ้าฉันสูงกว่านี้เขาคงเอาฉันไปปักเป็นเสาธงแล้วหละ ส่วนเธอตอนนี้กลายเป็นกระสอบแป้งไปแล้ว ถ้าแกเจอเธอแกบอกเธอไปเลยว่า “ไม่ต้องเดิน คุณกลิ้งไปจะเร็วกว่า”

โปรดติดตามตอนต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สวรรค์จำนรรจา (CHITCHAT IN HEAVEN)

สวรรค์จำนรรจา
สรวงสวรรค์ชั้นฟ้าตามเรียกขาน
ตำหนักน้อยใหญ่บ้างนางสนม
ผู้ใดใคร่ครองเขตให้ได้ภิรมย์
ข้าฯขอเพียงมีเจ้าสมดวงหทัย
โดย: ยูนูส เอมเร่ ศตวรรษที่ ๑๓ กวีมุสลิม ชาวตุรกี

มันช่างเป็นวันที่สวยงามที่สุดของสัปดาห์ และเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของวันนั้นด้วย ภาพงดงามที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาหาให้โผล่พ้นยอดเขาที่รายรอบตัวเมืองขึ้นมา ราวกับพระอาทิตย์ขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ เหล่ามวลชลผู้ภักดีต่างรอคอยวันนี้มาทั้งสัปดาห์เพื่อเฉลิมฉลองความงดงามที่หาซื้อไม่ได้ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ที่กำลังฉาบทาบอยู่บนใบหน้า ผู้คนนับพันล้านต่างปิติยินดีที่ได้เห็นพระองค์ในลักษณะไม่มีผ้าคลุมหน้ามาปิดกั้นระหว่างเขากับพระเจ้า
ด้วยอารมณ์ขณะนั้นมีความเป็นไปได้สุงที่จะเกิดการระเบิดความรู้สึก แทบทุกคนปณิธานกับตนเองว่าจะไม่ยอมพรากจากนาทีสำคัญนี้ พายุแห่งความสันติสุขแผ่ซ่านทั่วท้องนภา ในช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์อันล้นพ้นนั้นสายตาของอาห์เหม็ดไปสะดุดที่เพื่อนที่คบหากันตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ อาเด็มกำลังปลีกตัวออกจากฝูงชนที่หนาแน่นนี้ไปหาที่สงบให้ตัวเอง อาห์เหม็ดจึงรุกตามไปอย่างง่ายดาย
-                   ว่าไงเพื่อน สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์แล้วนะ ถ้าไม่ใช่วันศุกร์เราคงไม่ได้พบกันเลยในแดนสวรรค์นี้
เขารู้ว่ามาว่าพักหลังมานี้อาเด็มประสบปัญหาอย่างหนัก แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร จึงเลือกเปิดประเด็นแบบเพื่อนกันฉันท์มิตรจากเมื่อครั้งยังอยู่ในโลกมนุษย์ อาเด็มไม่สู้จะเต็มใจเปิดปากพูดมากนัก ถ้อยคำออกมาช่างยากเย็นราวกับกำลังปั่นจักรยานขึ้นยอดเขา
-                   เราสบายดี นายก็น่าจะรู้เราไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เราอยู่ในสวรรค์กันนะ ที่นี่ไม่มีคำว่า “ปัญหา” นายก็รู้นี่
อาห์เหม็ดเข้าไปจ้องเขาชิดมากขึ้น พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น แม้จะแยกไปเรียนมัธยมปลายคนละโรงเรียนแต่ความเชื่อมั่นศรัทธานำพาให้เจอกันอีกครั้งในมหาวิทยาลัยคณะเดียวกันคือ วิศวะกรรมศาสตร์ และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็เป็นเพื่อนรักแยกกันไม่ออก จนแม้ความตายก็มิอาจทำให้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
-                   นายมีอะไรบางอย่างปิดบังฉัน เรื่องนางสนมอีกแล้วใช่ไหม ฉันได้ยินมาว่านายไล่นางสนมออก แล้วมันจริงไหมที่ว่าบ้านนายไม่มีแม้แต่เสนารับใช้สักคน ฉันไม่เข้าใจนายเลย ตอนอยู่โลกมนุษย์เราต่างมีความอดทนไม่ยอมให้ความกดดันทำอะไรเราได้ ตอนนี้เราสมควรได้รับผลตอบแทน นายอย่าไปกังวลใจกับเรื่องของคนอื่นเลย ขอบคุณพระเจ้าที่เราข้ามสะพานมาสู่สวรรค์ได้อย่างฉลุย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายจึงยังทำให้ตัวเองยุ่งยากอยู่อีก ดูสิตอนนี้ฉันมีนางสนมถึง ๗๐นาง เสนารับใช้อีก ๒๐ นาย พอวันศุกรฉันก็มาร่วมพิธีนี้ ฉันมีความสุขกับชีวิตในสวรรค์ นายก็ทำได้
อาเด็มยิ้มเจื่อนเมื่อได้ยินตัวเลข ๗๐ พยายามกลั้นหัวเราะ เพราะหากเขาหลุดขำออกมาก็เท่ากับว่าเขาสนับสนุนความคิดของอาห์เหม็ดที่มีนางสนมถึง ๗๐ นาง
-                   ฉันทนไม่ได้กับความจริงที่ว่าสนมและเสนาพวกนั้นทำงานให้ฉันทั้งวันเปล่าๆเปลี้ยๆโดยไม่ได้อะไรตอบแทนเลย ฉันรู้สึกผิดและความรู้สึกนี้กัดกร่อนจิตใจฉัน ฉันอดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาเองก็มีสิทธิเสรีภาพที่จะเป็นอิสระและมีชีวิตที่ดีอย่างพวกเรา
อาห์เหม็ดลูบเคราที่เขาปล่อยยาวไว้หนึ่งปี
-                   นายพูดจาไร้สาระนะอาเด็ม นายก็รู้ข้อนี้ดีแต่นายทำเป็นดันทุรังเพราะรับไม่ได้ พวกนั้นถูกสร้างมาเพื่อรับใช้เรา ความหมายของการมีอยู่ของพวกนั้นคือมีไว้เพื่อสร้างความสุขความพอใจให้เราไงหละ หาใช่เหตุผลอื่นใดไม่ ไม่มีการบังคับกดขี่ข่มเหงอย่างแน่นอน ยิ่งปรนนิบัติเอาอกเอาใจจนเราพอใจมากเท่าไรพวกนั้นก็ยิ่งยินดีทำเท่านั้น เชื่อฉันเถอะนะเพื่อน ฟังนะ นายรู้ไหมว่าฉันคิดอะไรออก นายให้ฉันส่งสนมของฉันสัก ๑๐นางไปบ้านนายนะ คืนนี้นายมีความสุขกับพวกนางให้เต็มที่ ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยเบาสบาย แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปเลือกสนมดีดีด้วยกัน
อาเด็มจ้องหน้าเพื่อนเพื่อดูว่าอาห์เหม็ดจริงจังกับสิ่งที่เสนอมาหรือไม่แค่ไหน แล้วมันก็ทำให้เขาประหลาดใจ อาห์เหม็ดเอาจริงกับเรื่องนี้ จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลาที่เป็นเพื่อนกันมายาวนานทั้งชีวิต เขานับว่าอาห์เหม็ดเป็นคนประเภทชอบโรยเกลือบนแผลของเพื่อนมาโดยตลอด และมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด

-                   อย่าเลย ฉันสบายดีกับสิ่งที่เป็นอยู่ เย็นนี้ฉันว่าจะอ่านอะไรสักหน่อย อีกอย่างนะนั่นมันจะกวนใจฉันมาก ความสุขที่สุดที่ฉันยังคงต้องการคือการได้อ่านหนังสือและคิดตาม
หน้าของอาห์เหม็ดเผยรอยยิ้มแหยๆที่แสดงถึงความผิดหวัง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอาเด็มจะปฏิเสธข้อเสนอ บางทีเขาคงต้องเบี่ยงประเด็นเสียแล้ว
-                   นายรู้ไหมว่าอะไรทำให้ฉันมีความสุขได้ ฉันดีใจที่เราต่างก็หย่าเรียบร้อยก่อนตาย ไม่เช่นนั้นคงต้องมาทนฟังเสียงหนวกหูน่ารำคาญของบรรดาเมียๆ ที่จริงนายได้อยู่ต่ออีกหลายปีหลังจากนายหย่า ส่วนฉันเจออุบัติเหตุทันทีในวันที่ศาลอนุมัติให้ฉันหย่า ตายวันนั้นเลย พระเจ้ารักฉันทำให้ฉันหนีมาได้ทันท่วงที ตอนนี้ฉันจึงแสนจะสบาย เมียฉัน อืมฉันหมายถึงเมียเก่าฉันหนะไปอยู่อีกมุมหนึ่งของสวรรค์ ไม่ต้องเจอกันอีก ลูกๆของเรามาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้ง ลูกฉันมาเมื่อไรฉันก็ให้สนมออกไปอยู่ข้างนอก ฉันไม่อยากให้ลูกๆเข้าใจฉันผิด นายก็รู้ฉันเป็นพ่อของพวกเขา บางครั้งฉันก็ละอายใจแต่พอพวกเขาไปเราก็จัดปาร์ตี้หฤหรรษ์ในสวรรค์ชั้นฟ้ากันอีก เอาน่าเพื่อน อย่าปฏิเสธข้อเสนอฉันเลย เอาไปสัก ๑๐นาง สมองจะได้โล่ง และตัวนายจะได้สบายขึ้น
-                   อย่าเกลี้ยกล่อมฉันให้ยากเลยอาห์เหม็ด ฉันไม่มีทางตกลงหรอก ครั้งสุดท้ายที่ฉันมีอะไรกับสนมนั่นมันทำให้ฉันรู้สึกแย่ไปหลายเดือน ฉันทุกข์ทรมานราวกับพกหินไว้ในท้องแล้วเดินไปบนธารน้ำผึ้งเหนียวหนืดนั่น ฉันไม่มีทางจะสำราญใจจากการเบียดเบียนคนอื่นได้หรอก
-                   อ้า นายเฉไฉไปเรื่อยแล้วเพื่อน ใครเบียดเบียนใคร พวกนั้นทำงานตามหน้าที่ต่างหาก นายก็ต้องทำตามหน้าที่ด้วย หน้าที่ของนายก็คือมีความสุขไงหละ เมื่อครั้งตอนอยู่ในโลกนายก็เป็นแบบนี้ นายต้องขอบคุณฉันที่ไม่ปล่อยให้นายทำไปตามวิธีของนาย ไม่อย่างนั้นจิตนายคงดำมืดจากความคิดอันตรายพวกนั้น และนายคงไม่ผ่านการทดสอบชีวิตมาแน่ เราข้ามสะพานมาได้เพราะฉันแท้ๆ
-                   ถูกแล้วอาห์เหม็ด ฉันจะขอบใจนายอย่างไรดี แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเปลี่ยนใจเรื่องสนมกับเสนาได้ ฉันไม่อยากให้พวกเขามีตัวตนด้วยซ้ำ เราจะได้ทำอะไรของเราเอง
อาห์เหม็ดหัวเราะร่วน
-                   นายพูดไม่คิดเลย มันไม่ใช่แค่เรื่องงานการนะ ความจำเป็นในชีวิตของเราหละ เราจะทำสิ่งต่างๆเองให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทางจนสมใจเราได้เองหรือ พูดไม่เข้าท่าเลย พระผู้เป็นเจ้าประทานความเมตตาให้เราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราผู้เต็มไปด้วยความศรัทธา ไม่มีสิทธิปฏิเสธความเมตตาที่พระองค์ประทานให้
อาเด็มเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำว่า “ไม่มีที่สิ้นสุด” บางทีนี่อาจเป็นเพียงโอกาสเดียวในวันนี้ที่เขาได้ เขาอยากไหลไปตามน้ำ
-                   นายบอกว่าไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งมันทำให้ฉันสับสนมาหลายวันแล้ว ฉันเข้าใจและเคารพนะที่พระเจ้าของเรามีพลังอำนาจไม่มีที่สิ้นสุด และงดงามอย่างหาที่สุดมิได้
-                   ใช่แล้ว ในที่สุดนายก็พูดจาเข้าท่า
-                   เปล่าฉันยังพูดไม่จบ แล้วพลังอำนาจกับความงดงามอย่างหาที่สุดมิได้นี้มาจากไหน
-                   อาเด็มเพื่อนรัก นายกำลังสับสนกว่าที่ฉันคิดไว้ ถ้านายยังเป็นแบบนี้ต่อฉันจะไม่คุยกับนายอีก ไม่อย่างนั้นนายจะทำให้ฉันเดือดร้อนไปด้วย นายมันบ้า นายได้ยินที่ตัวเองกำลังพูดอยู่ไหม
-                   ใจเย็นสิอาห์เหม็ด ไม่เห็นจะต้องกังวลเลย เชื่อฉันสิฉันก็แค่คิดๆดู
-                   ไม่อ่ะ นายไม่แค่คิดๆดู นายกำลังมุ่งไปสู่การนอกรีตไร้ศาสนา การคิดวิเราะห์คำนึงนั้นสร้างสรรค์ให้สูงขึ้น แต่นายกำลังจะลงต่ำ
-                   ทำไมนายคิดอย่างนั้น มาช่วยกันสิ เราต่างก็รู้ดีว่าไม่มีแนวคิดใดที่ว่าด้วยการไม่มีที่สิ้นสุด ตามหลักการแล้วกล่าวได้ว่ามีจำนวนนับไม่ได้ไม่มีที่สิ้นสุดของจำนวนอันหาที่สุดไม่ได้ อย่างเช่น มีจำนวนที่นับไม่ได้อยู่ระหว่าง ๐ กับ ๑ แต่ว่าก็ยังมีจำนวนที่นับไม่ได้ระหว่าง ๑ ไปถึงหาที่สุดไม่ได้ด้วยเช่นกัน เราเรียกสองอย่างนี้เท่ากันได้ไหม ก็ไม่ได้อีก อันหลังสิที่ยิ่งใหญ่กว่าอันแรก
-                   แล้วยังไงหละ นายต้องการอะไร นายทำให้ฉันกระหายใคร่รู้ขึ้นมาซะแล้ว อยู่ดีดีนายก็เพาะเมล็ดความสงสัยใส่ในหัวฉัน เอาเถอะ ว่าไงต่อ
-                   ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับนายแน่ๆ เราไปเฝ้ารอพระเจ้าในวันศุกร์ เราชื่นชมบารมีอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ ชื่นชมความปราดเปรื่องรอบรู้และความงามอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์นะ
-                   แล้วยังไงต่อ

-                   ถ้าหากว่ามีพระเจ้าอยู่อีกองค์หนึ่งหละ ที่ไม่มีที่สิ้นสุดยิ่งกว่าพระเจ้าของเรา เราจะพิสูจน์ว่าไม่มีได้ไหม
-                   เราก็ไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามีเช่นกัน
-                   นายพูดถูกอาห์เหม็ด ฉันแค่สงสัยหนะ แค่คิดๆวิเคราะห์ดู
-                   ฉันว่านายทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปนะ นายไม่เห็นรึเราอยู่ในสวรรค์กันนะเพื่อน การคิดแบบนั้นคงดีถ้าเรายังอยู่ที่โลก เราไม่ต้องเอามาคิดอีกต่อไปแล้ว นายรักใครสักคน หรือให้คนมารักตามแต่ใจจะใฝ่หาสิ ที่นี่มีลำธารสายน้ำผึ้งและน้ำตกไวน์ ถ้านางสนมทำให้นายมีความสุขไม่ได้ก็ลองหาความสนุกเพลิดเพลินจากพวกนางงามไป
-                   อาห์เหม็ดแต่ว่า...ฉันสนุกกับการคิดวิเคราะห์ มันทำให้ฉันสำราญยิ่งการนางสนมหรือธารน้ำผึ้งเป็นไหนๆ ก็เหมือนกันทุกๆคนที่เลือกทำในสิ่งที่ตนเองชอบและมีความสุขกับมันฉันก็เช่นกัน ฉันผิดด้วยหรือ
-                   ได้ได้อาเด็ม นายอยากทำอะไรก็ทำไปแต่อย่าเอาฉันไปเกี่ยวข้อง บอกฉันด้วยถ้านายมีความสุขตื่นเต้นกับเรื่องอื่นอีก
-                   ไม่ต้องห่วงเราเราอยู่ในสวรรค์ นายเคยบอกฉันไม่ใช่รึว่าถ้าเราได้มาถึงที่นี่แล้วเราก็อยู่ที่นี่ได้ตลอดไป ฉันจะยกตัวอย่างนึง นายเองก็เรียนวิศวะกรรมศาสตร์มาน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก ลองคิดฟังชั่น f(x) = ln(x) มันมีการผันแปรเพิ่มขึ้นทีละน้อย คราวนี้ให้นึกฟังชั่น g(x) = ex   นี่ก็ผันแปรเช่นกันแต่เพิ่มจำนวนครั้งอย่างรวดเร็วไม่มีที่สิ้นสุดไปจนหาที่สุดมิได้ ฉันหมายถึงไม่ว่าอัตราส่วน g(x) หรือ f(x) ต่างนับไม่ได้เช่นกัน ตอนที่เราอยู่โลกเราพอจะเชื่อได้ว่ามีบางสิ่งที่นับไม่ได้แต่ตอนนี้ฉันสงสัย ถ้าหากพระเจ้าที่เราเห็นทุกวันศุกร์เป็น f(x) แล้วมี g(x) ที่มีพลังอำนาจความงามความรู้อย่างหาที่สุดมิได้ยิ่งกว่าหละ หากเป็นเช่นนั้นในสรวงสวรรค์ของ g(x) ก็คงไม่มีนางสนมและเสนาอยู่ สิ่งที่มีอยู่จะมีค่าเท่าเทียมกันตามธรรมชาติของมัน
-                   โธ่อาเด็ม นายติดแหง่กกกับเรื่องความเท่าเทียมความไม่เท่าเทียมนั่นเอง ฟังฉันนะ นายจะเท่าเทียมและมีอิสระภาพมากไปกว่าที่นายมีในสวรรค์นี้ไม่ได้แล้ว ไม่มีชีวิตหลังจากนี้แล้ว ชีวิตนี้ที่เราได้รับสิ่งต่างๆมามันงดงามยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะเป็น แสดงความกตัญญูสิ นายอาจลงนรกในที่สุด หรือนายอาจไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ
-                   นายรู้ได้อย่างไรอาห็เหม็ด
-                   รู้อะไร
-                   นายรู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือสวรรค์ไม่ใช่ด่านทดสอบ บางทีทั้งหมดทั้งมวลที่เราเห็นและสัมผัสอาจมีอีกพลังอำนาจหนึ่งอยู่ ที่เราเห็นและสัมผัสอาจสร้างมาจากอีกพลังอำนาจนั้น ฉันกำลังพูดถึง g(x) บางทีเขาอาจต้องการให้เราตามหาเขา ให้เราคิดวิเคราะห์ใคร่ครวญดูและเข้าถึงเขาด้วยการคิดแบบนี้
-                   ฉันจะกลับบ้านแล้ว อาเด็มนายไม่ใช่แค่คิดมากแต่นายยังพูดมากอีกด้วย ถ้านายยังเป็นแบบนี้ นายจะทำให้สวรรค์ของนายกลายเป็นนรกเสียเอง ฉันจะแนะนำว่าให้นายหาอะไรทำได้แล้ว
-                   ได้สิ นายกลับไปเลย แต่ขอให้ฉันถามอีกข้อหนึ่ง นายจำตอนที่เราอยู่คณะฯได้ไหม ฉันเคยอ่านปรัชญาเยอะมากและตั้งคำถามถึงความหมายของชีวิต ในตอนนั้นนายช่วยเหลือฉันให้ผ่านมาได้และให้ฉันได้รู้จักกับพลังอำนาจอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระเจ้า นายรู้ไหมว่าฉันคิดอะไรในวันนี้ ฉันสงสัยว่าพระองค์เองก็คงถามตัวเองว่ามีไว้ทำไมเหมือนที่ฉันเคยถาม ฉันหมายความว่าเขาจะเคยถามตัวเองไหมว่าเขามีไว้ทำไมหรือทั้งหมดนี้มีความหมายว่าอะไร เขาจะเคยสงสัยไหมว่าจะมีพลังอำนาจอีกหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ถ้าใช่เขาก็น่าจะมาสู่บทสรุปเดียวกันกับที่ฉันมาถึง โดยยึดกฎและตรรกะเดียวกันกับที่ฉันใช้ ใช่หรือไม่

ทันทีที่อาเด็มพูดจบพื้นดินเบื้องล่างที่เขายืนอยู่ก็ไหวสั่นเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เกิดรอยร้าวจากข้างหลังเขาและขยายใหญ่ขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว มันพุ่งผ่านเข้ามาระหว่างขาสองข้างของเขาจนยากที่จะทรงตัว เพียงไม่กี่วินาทีเท้าทั้งสองข้างก็เกาะเกี่ยวขอบที่แตกร้าวเอาไว้อย่างยากเย็น หนทางเดียวที่จะหนีจากตรงนั้นได้คือปล่อยให้ตนเองตกลงไปข้างล่างเท่านั้น มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากอาห์เหม็ดได้แต่จ้องมองดูเพื่อนพูดอะไรไม่ออก ในช่วงเวลาแสนสั้นจนเขาไม่มีแม้โอกาสยื่นมือไปช่วยหรืออ้อนวอนพระเจ้าให้อภัยแก่เขา อาเด็มหายวับลงไปในความมืดที่เยียบเย็นในรอยแตกนั้นอย่างไร้ร่อยรอย พื้นดินกลับสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง

ในขณะนั้นอาเด็มพบว่าตนเองอยู่ในบ่อโคลน ท้องฟ้าสดใส อากาศสดชื่น เขามองเห็นม้าลายจำนวนหนึ่ง ยีราฟและกวางอีกด้านหนึ่งของบ่อ ฝูงนกสีสันสวยงามบินข้ามหัวเขาไปพร้องส่งเสียงร้องของยามเช้า อีกฝั่งหนึ่งของบ่อเขามองเห็นนกกระจอกเทศกำลังเดินออกห่างจากไข่ของมันเพื่อไปหาอาหาร ไม่มีมนุษย์หรือแม้กระทั่งร่องรอยว่ามีชุมชนมนุษย์อาศัยอยู่เลย เขาค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ไข่นกกระจอกเทศคาดว่าจะหยิบไปไว้กินสักใบ พลันเขาก้าวออกจากบ่อโคลนนั่นโคลนที่ติดตามตัวเขาก็แห้งและหลุดหล่นลงตามพื้น แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังเปลือยตั้งแต่หัวจรดเท้า จึงรีบวิ่งไปหลบข้างต้นมะเดื่อ อย่างไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าไม่มีมนุษย์หน้าไหนจะมามองเห็น แล้วเขาก็เด็ดใบไม้มาหนึ่งใบเพื่อมาปกปิดของลับเขาไว้
-------------------------------------------------------------------------


วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เพลง เรือเล็กควรออกจากฝั่ง (English)

Small Boats Should be Off Shore
The wind is roaring.
The Sky is getting darker.
My heart is beating heavily.
What am I scare of?
Is the sea intense or just measuring somebody’s mind as a threat chalenging to surrender?
My mind is darted by storm.
*I’m gonna go to touch the horizon out there
But it seems  like my destiny doesn’t obey.
I can’t  see a way………..
Am I gonna fall this time?
My heart is roaring.
That dark sky never make a man.
The sea will make a man by it’s danger.
It doesn’t matter how much the storrm darting on my mind.
I won’t surrender to the threats.
I will learn and fight.
** I’m gonna go to touch the horizon out there
But it seems  like my destiny doesn’t obey.
I can’t  see a way ………
But I know I must keep going.
Is my hope leading me at the blue horizon?
The answer is in the air.
Wherever my life falls I will keep going.
Oh Oh Wo Wo

* *


เนื้อเพลง เรือเล็กควรออกจากฝั่ง

เสียงลมคำราม ฟ้าครามพลันมืดมัว
หัวใจสั่นระรัว ฉันกลัวอะไร

ทะเลเอาจริง หรือเพียงจะวัดใจใคร
เหมือนคำขู่ท้าทาย ให้ยอมจำนน

พายุ ถั่งโถม อยู่ในใจ

จะออกไปแตะขอบฟ้า
แต่เหมือนว่าโชคชะตาไม่เข้าใจ
มองไปไม่มีหนทาง
ชีวิตฉันต้องล่มลงใช่ไหม เย้...

หัวใจคำราม ฟ้าครามไม่สร้างใคร
ทะเลจะสร้างคน ด้วยอันตราย

พายุ ถั่งโถม สักเพียงไหน
จะไม่ยอมแพ้คำขู่ เรียนรู้และสู้ไป

จะออกไปแตะขอบฟ้า
สุดท้ายแม้โชคชะตาไม่เข้าใจ
(ภายในใจยังคงเรียกร้อง)
มองไปไม่มีหนทาง แต่รู้ว่าฉันต้องไปต่อไป

ตรงเส้นขอบฟ้าสีคราม
ความหวังยังนำทางฉันใช่หรือไม่
(มีอุปสรรคเปลี่ยนผันก็ต้องเดิน)
คำตอบอยู่กลางคลื่นลม ชีวิตแม้ต้องล้มลงตรงไหน
แต่ฉันก็ยังยืนยันที่จะไป...

จะออกไปแตะขอบฟ้า
สุดท้ายแม้โชคชะตาไม่เข้าใจ
(ภายในใจยังคงเรียกร้อง)
มองไปไม่มีหนทาง แต่รู้ว่าฉันต้องไปต่อไป

ตรงเส้นขอบฟ้าสีคราม
ความหวังยังนำทางฉันใช่หรือไม่
(มีอุปสรรคเปลี่ยนผันก็ต้องเดิน)
คำตอบอยู่กลางคลื่นลม ชีวิตแม้ต้องล้มลงตรงไหน
แต่ฉันก็ยังยืนยันที่จะไป...

ความหวังยังนำทางฉันใช่หรือไม่
ชีวิตมันยังยืนยันที่จะ ที่จะ ไป...